วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คำถามที่ 3 IPAD 16 32 64 GB รุ่นไหนดี


มาอีกคำถามล่ะ ว่า เวลาจะซื้อ IPAD นะ
จะเลือกความจุเท่าไรดี 16 32 64 GB ดี
เพราะแต่ละความจุก็มาด้วยความต่าง ของราคา ที่ต่างกัน
ประมาณ 3,000 บาท ต่อรุ่น









ก่อนจะเลือกก็ต้องมาตั้งหลักกันก่อน
1. ส่วนใหญ่ ใช้ IPAD ทำอะไร
เวลาค้นหาใน web ก็จะมีคำแนะนำ เยอะ ครับ ว่า เอาสูงสุดไปเลย
เพราะจะได้เก็บข้อมูลได้เยอะๆ ไม่ต้องถ่ายข้อมูลเข้าออกอยู่้หลายรอบ
คุณก็ต้องถามตัวเอง ว่า จะซื้อ IPAD มาเมื่อทำอะไรเป็นส่วนใหญ่
เช่น
1> ดาวน์โหลดวิดีโอ ดูหนัง ฟังเพลงเยอะๆ อันนี้แนะนำ 32 หรือ 64 GB
2> เก็บไฟล์หนังสือ ข้อมูล งาน อันนี้ 16 GB ก็พอแล้ว
3> โหลดเกมส์ หนัก แล้วไม่อยากลบออก อันนี้ 32 หรือ 64 GB
4 > ใช้ทั่วไป เล่นเกมส์บ้าง ดูหนังบ้าง อ่านebook บ้าง เน็ตบ้าง 16 Gb ก็ได้ครับ
เกณฑ์ข้อนี้ก็ต้องดูความต้องการระยะยาวของตัวเองนะครับ

2> พฤติกรรมของคนใช้ ข้อนี้ไม่ได้ว่ากันนะครับ แต่พฤติกรรมของผู้ใช้จะทำให้เลือกขนาดความจุได้อย่างดี
2.1> ผู้ใช้ มีการจัดการถ่ายโอนข้อมูล ในเครื่องกับ คอมพิวเตอร์เป็นประจำ(เห็นไหมคอมพิวเตอร์ ยังมีความจำเป็นอยู่นะ) หมายถึง เอาไฟล์เพลง หนัง ebook รูป เข้าออก หรือลบ APP ที่ไม่ได้ใช้ เป็นระยะๆ ถ้า ผู้ใช้มีพฤติกรรมแบบนี้ ก็ 16 GB เหลือเฟือ

2.2 > ผู้ใช้ ไม่ค่อยจัดการถ่ายโอนข้อมูล ในIPAD กับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือนานๆที ทำครั้ง (1- 2 เดือนครั้ง ) โหลดAPP ฟรีมา ไม่ค่อยได้ดูและลบเท่าไร อันนี้จะทำให้ข้อมูลในเครื่องมีเยอะ อันนี้ ก็ต้อง 32 หรือ 64 GB ครับ
2.3> ผู้ใช้ ใช้เพียงแต่ เช็คเมล์ เล่นเกมส์ บ้างเล็กน้อย อ่านหนังสือ ที่สนใจบ้าง อันนี้ 16 GB เหลือเฟือ
3. พฤติกรรมของคนใช้ (อีกล่ะ) บ้าเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือไม่
ข้อนี้ หากผู้ใช้ ชอบตามเทคโนโลยีอยู่บ่อยๆ ของใหม่มาเป็นต้องซื้อ
ก็ให้รู้เสียเถอะว่า IPAD แต่ละรุ่น เขามีวงจรออกปีละครั้ง
นั้นหมายถึงว่า ซื้อมาได้ยังไม่ทันเก่า ของใหม่มาล่ะ เทคโนโลยีก็ใหม่กว่า
ถ้าผู้ใช้รู้ข่าวปุ๊บซื้อปั๊บ อันนี้ 16GB เหลือเฟือ
แต่ถ้าผู้ใช้ ไม่ตื่นเต้นกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปนิดหน่อย (เทียบจริงๆแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนขนาดต้องซื้อใหม่) อันนี้ 32 หรือ 64 ไปเลยครับ
ภาพจากhttp://hitech.sanook.com
ข้อนี้นอกจากความสนใจที่จะเปลี่ยนเทคโนโลยีอยู่บ่อยๆ แล้ว งบประมาณกับการซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ในแต่ละปีของ ผู้ใช้ ก็เป็นส่วนสำคัญนะครับ ถ้าทุกๆปีมีเงินเยอะ ก็จัดหนักเลย แต่ ถ้ามีพอได้ใช้ ก็เลือกน้อยๆ ไว้ก่อนแล้วกัน

นอกจาก 3 หลักข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาประกอบคับ
คือ
> กำลังทรัพย์ของผู้ใช้ (ทรัพย์มาก ก็เอาไปเลยครับ 64 32 16 ตามลำดับ)
> ปริมาณการเก็บข้อมูลที่จะต้องใช้ผ่าน IPAD ก็ดูจาก พฤติกรรมการใช้DEVICE อื่นๆ ประกอบ เช่น IPOD ,thumb drive ที่ต้องไปใช้งาน ถ้า device พวกนั้น เจ้าของเครื่องใช้ไม่เคยเกินครึ้่งของความจำ ก็นำมาประกอบได้ครับ

ที่สำคัญ พึงระลึกไว้ว่า
  • IPAD ไม่ใช้ external HD ที่จะเก็บข้อมูลที่ไม่ค่อยได้ใช้ ไม่เช่นนั้น 64 GB ก็ไม่พอ
  • ข้อมูลที่อยู่ใน IPAD ควรเป็นข้อมูลที่ใช้ประโยชน์จริงๆ
  • IPAD ก็เหมือน อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อิเล็คทรอนิกส์ ทั่วไป ที่ต้องมีการจัดการ และสำรองข้อมูลไว้ที่อื่นบ้าง โอกาสที่จะเสีย และข้อมูลหายย่อมมีขึ้นได้แน่นอน
  • ถ้าจำเป็นต้องเก็บที่ต้องใช้กับIPAD เยอะๆ และไม่ต้องกังวลกับการเปลี่ยนรุ่น เดี๋ยวนี้เขามีอุปกรณ์เสริม ในการเก็บข้อมูลกับ IPAD ชื่อว่า HYPER DRIVE ที่ราคาแพงกว่าIPAD อีก
HyperDrive Hard Drive for iPad

ลองนำไปพิจารณาดู อาจต้องใช้หลายๆปัจจัยประกอบกันนะครับ

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คำถามที่ 2 wifi (only) หรือ wifi+3G ดี

มาแล้วๆ ขออภัยที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน ครับ
ก็มัวรอการเปิดตัวของพี่จ๊อบ อยู่ แหมๆ IOS 5 มาแล้ว แต่ขอรอให้เขาเปิดตัว
เป็นทางการให้อัปโหลดก่อน แล้วจะมารีวิวให้ฟังครับ
กลับมาที่คำถามที่สองของเรา จาก5 คำถามที่พบบ่อยของ ipad
วันนี้เป็นคำถามเกี่ยวกับ จะเลือกipad จากspec ระบบการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอย่างไรดี
โดย ถ้าแบ่งตาม ความสามารถในการเชื่อมต่อ ก็แบ่งได้ 2 แบบ คือ
1. ipad wifi only นั้นคือ ipad ที่ใช้การเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผ่านเครือข่ายwifi เท่านั้น (จะwifi อะไรก็แล้วแต่)
2. ipad wifi +3G นั้นคือ ipad ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผ่าน เครือข่ายwifi หรือ เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (3G เฉพาะในกรุงเทพฯ หรือพื้นที่บริการของแต่ละค่าย ส่วน นอกนั้น ก็ EDGE ครับ ) แต่โทรออกเหมือนiphone ไม่ได้นะครับ
2 ประเภทนี้ จะมีจุดต่างอยู่ 2 จุดคือ
1. ipad 3G เชื่อมต่อได้ทุกที่ (ทั้งที่มี wifi และ พื้นที่ให้บริการของเครือข่ายมือถือที่เราใช้กับipad) ก็คือ เลือกที่จะใช้แบบไหนก็ได้ (สะดวกจริงๆ)
2 ipad 3G มี gps ให้ แต่ wifi (only)ไม่มี

แหมว่าทั้งคู่จะเชื่อมต่อ wifi ได้ แต่การเข้าnet ได้ คุณต้องตั้งค่าwifi เพื่อเข้าสู่เครือข่ายของเขา เช่นใส่รหัส ไม่ใช่้ว่าทุกที่ที่มีwifi จะทำให้ipad ต่อเน็ตได้ครับ

อ้าวจะเลือกใช้อย่างไรดี ที่ได้ยินมา ก็มีหลักให้คิดดังนี้

  • พื้นที่ประจำที่ตัวเองอยู่ และใช้เน็ต (เอาแบบที่ส่วนใหญ่ของชีวิตอยู่นะ ประเภทปีหนึ่งไปซะครั้งอย่านำมาคิดเลย)
ถ้าที่บ้าน และที่ทำงาน มีwifi อย่างแรงอยู่ แนะนำ wifi only
ถ้าที่บ้าน และที่ืทำงาน ไม่มี wifi ฟรีให้ใช้ ก็ 3G ครับ
ส่วนระหว่างทาง ก็เอาไว้ขับรถ บ้างนะครับ
  • โทรศัพท์ที่ใช้อยู่
ถ้ามี iphone/ andriod phone /nokia phone etc ที่เข้าเน็ตเช็คเมล์ได้บ้าง
แนะนำ wifi only เพราะคุณคงไม่up status Facebook ในuser เดียวกันพร้อมกัน 2 เครืองหรอก (เอาซะอย่าง) และเดี๋ยวนี้เครื่องพวกนี้ สามารถกระจายwifi ได้ เพื่อแชร์อินเตอร์เน็ต ในเวลาสั้นๆ (นาน เปลืองแบต ) และ น้อง ipad ก็สามารถรับได้อยู่แล้ว
ถ้ามี มือถือไว้เน้นโทร อย่างเดียว และไม่มีช่องทางต่อเน็ตอื่นๆ ก็ 3G โลด
  • ค่าใช้จ่ายสำหรับบริการอินเตอร์เน็ต ต่อเดือน การต่อเน็ตไม่ว่าจะผ่านwifi หรือ เครือข่ายโทรศัพท์ (3G หรือ edge) ล้วนแต่มีค่าใช้จ่าย แหมว่าจะบอก wifi ฟรี แต่นั้นก็หมายความว่า คุณต้องเป็นสมาชิก ลูกค้า หรือ แขกของสถานที่นั้น ถึงจะใช้ได้นะครับ
สามารถจ่ายค่าบริการอินเตอร์เน็ตไม่อั้น หลากหลายช่องทาง (ที่บ้าน / มือถือ/ipad) ก็ 3G โลด เพราะไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว เรื่องค่าเน็ตบ่ยั่น
ถ้าประหยัด ไม่อยากต้องมีค่าใช้จ่ายเน็ตเพิ่ม (สำหรับ ถ้าจะเล่นipad บนเครือข่าย 3 G ให้สนุกแล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับบริการเครือข่าย ไม่น่าจะน้อย) ก็ wifi only (แชร์เอาจากมือถือ และเน็ตฟรีที่ทำงาน และที่บ้าน)
เอาง่ายๆ นาย ข ใช้ADSL (ที่บ้าน) 699 บาท / ต่อเน็ตผ่านมือถือแบบ ไม่อั้น 790 บาท และถ้าใช้ ipad 3 G และใช้ซิมที่มีบริการอินเตอร์เน็ตแบบไม่อั้นอีก 790 บาท เท่ากับว่า นาย ข ต้องจ่ายค่าใช้จ่าย สำหรับอยู่บนโลกออนไลน์ แบบไม่อั้นต่อเดือน 2279 บาท (ไม่รวม vat และค่าบริการอื่นๆ) ถ้านาย ข จ่ายได้ ก็ตามสบาย 3G แต่ถ้าไม่แล้ว ก็ต้องเลือกละครับ
ADSL ใช้ที่บ้าน ใช้notebook ได้ด้วย ipad ได้ แถมความเร็ว ยังเสถียรกว่า เครือข่ายมือถือ (ถ้ายังจ่ายได้ก็ต้องเก็บไว้)
เน็ตผ่านมือถือ เครื่องอย่างดี ต่อเน็ตไม่ได้ จะซื้อไปทำไมล่ะ แถมยังพกสะดวกกว่้า ไปงานเลี้ยง ท่องเที่ยว ถ่ายรูปup ได้ทันที (อันนี้ถ้าจ่ายได้ก็เก็บไว้)
เน็ตบน ipad ที่บ้านก็มีอยู่แล้ว ที่ทำงานก็ฟรีอีก มือถือเล่นเน็ตได้ ปล่อยwifi ได้ ก็ ipad wifi only
หลัก 3 ประการนี้ พอจะเป็นแนว สำหรับการเลือกว่าเอาแบบไหนดี
แต่ก็มีประเด็นย่อย ที่ต้องนำมาประกอบด้วย
เช่น งบประมาณในการซื้อipad / ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี ที่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ / ความต้องการเชื่อมต่อเน็ตตลอดเวลา
ซึ่งต้องวิเคราะห์ด้วยตัวเองครับ และเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็อย่าเสียใจเลยคับ
เพราะข้อต่างอยู่แค่ การเชื่อมต่อที่สะดวกกว่านิดหน่อยจริงๆ ส่วนการดาวน์โหลด
หรือความไวในการต่อ นั้น ในปัจจุบันนี้ wifi ส่วนใหญ่ยังนำ เครือข่ายมือถืออยู่
ก็ลองพิจารณากันดูนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

5 คำถามพบบ่อยๆกับ IPAD (ตอน 1)

1 IPAD หรือ notebookดี
คำถามนี้ พบได้บ่อยถึงบ่อยมาก ว่าจะเลือกซืิ้อ ipad หรือ notebook ดี
อาจด้วยเพราะ ราคา ที่ใกล้เคียงกัน 15900-25900 บาท สำหรับ ipad
ก็สามารถซื้อ notebook ดีๆระดับพอใช้ ได้แล้ว แถมทำอะไรได้มากกว่า
ความเห็น เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่เหมาะสมนัก เพราะ การใช้ทั้งคู่มีจุดเหมือนและจุดต่างกัน

1.การเล่นเน็ต/ social network
จุดเหมือน ipad และ notebook เช็คเมล์ เล่นเน็ต(พื้นฐานทั่วไป) ได้
จุดต่าง notebook เล่น web ได้หลากหลายกว่า ที่สำคัญ เล่น flash และ
ดาวน์โหลดบิตได้ ส่วนipad ดาวน์โหลดอาจจะได้ แต่ หนักหน่อย

2.การพกพา
จุดต่าง ipad พกพา และหยิบมาใช้งานได้สะดวกกว่า notebook พกยากกว่า
ภาพจาก http://appreview.in.th

3. การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ
ipad มีข้อจำกัดในการเชื่อมต่อ กับ อุปกรณ์(device) ต่างๆ โดยเฉพาะ thumb drive (เชื่อมต่อไม่ได้ หรอก ถ้าไม่เจล) หรือ เครื่องฉายlCD ทำได้ แต่ ต้องมีอุปกรณ์เสริมหน่อย notebook เชื่อมต่อได้ดีกว่า

4. การทำ แก้ไข เอกสาร office
ทั้งคู่ทำได้ด้วย app และโปรแกรม
ipad พิมพ์งาน ใช้ไฟล์ตระกูลoffice ได้นิดหน่อย แม้จะมี app รองรับ แต่ก็ได้ระดับหนึ่ง notebook ทำได้เต็มที่


5 การอ่านหนังสือ ไฟล์เอกสาร
ipad อ่านเอกสาร หนังสือ ได้สะดวกกว่า
notebook อ่านได้ แต่ลำบากหน่อย
ทั้งคู่ อ่านนานๆ ปวดตาเหมือนกัน


ที่ยกมา พอจะเห็นความต่าง ระหว่าง ipad กับโน๊ตบุ๊คแล้ว ก็อยากบอกว่าอย่าไปเทียบกันเลยครับ มันต่างกันอยู่
ที่สำคัญ ipad ไม่สามารถใช่เพียงอย่างเดียว คุณยังต้องใช้ipad คู่กับ PC /mac /notebook ในการอัพเดท ios หรือไว้ restore เครื่องครับ
เพราะฉะนั้น หากใครยังไม่มี PC/mac /หรือ notebook แนะนำให้มีสิ่งนี้ก่อน
ส่วนอันดับต่อไปถ้ามีทุนพอ ค่อยซื้อ ipad นะครับ